CHINESE AMERICANS

สถานะสังคมของชาวจีนอพยพ

ชาวจีนอพยพเข้าสหรัฐฯ จำนวนมากในช่วง California Gold Rush (ค.ศ. 1848 – 1855) เพื่อแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจ หลายคนทำงานในเหมืองทองคำ ต่อมามีบทบาทสำคัญในการก่อสร้างทางรถไฟสายข้ามทวีป (First Transcontinental Railroad 1863 - 1869) รวมถึงประกอบอาชีพในธุรกิจซักรีด ร้านอาหาร และร้านขายของชำ อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องเผชิญการเลือกปฏิบัติและอคติทางเชื้อชาติอย่างรุนแรง เช่น การถูกทำร้ายร่างกาย การจำกัดสิทธิในที่อยู่อาศัยและการทำงาน ความเกลียดชังนี้นำไปสู่การออก Chinese Exclusion Act (ค.ศ. 1882) ซึ่งเป็นกฎหมายห้ามคนจีนอพยพเข้าสหรัฐฯ และจำกัดสิทธิทางกฎหมายของผู้ที่อยู่แล้ว ทำให้ชาวจีนถูกมองว่าเป็น “คนนอก” ในสังคมอเมริกันอย่างชัดเจน

วัฒนธรรมและค่านิยม

แม้ต้องอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่กดดัน ชาวจีนอพยพยังคงรักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมของตน ผ่านการตั้งชุมชนคนจีน (Chinatown) ในหลายเมืองใหญ่ เช่น ซานฟรานซิสโก และนิวยอร์ก ซึ่งเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจ สังคม และศาสนา พวกเขายึดถือค่านิยมแบบขงจื๊อ (Confucian Values) ที่ให้ความสำคัญกับครอบครัว การเคารพผู้ใหญ่ ความขยัน และการศึกษาของลูกหลาน เทศกาลดั้งเดิม เช่น ตรุษจีน และ ไหว้พระจันทร์ เป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยคงความผูกพันในชุมชน

สามารถศึกษาเรื่องการแต่งกายเพิ่มเติมได้ที่ Clothing & Fashion

การเมืองและอำนาจ

ในศตวรรษที่ 19 อำนาจทางการเมืองของชาวจีนในสหรัฐฯ มีจำกัดมาก เนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมายและการเลือกปฏิบัติ พวกเขามักพึ่งพาองค์กรชุมชน เช่น สมาคมหงเม่น (Chinese Consolidated Benevolent Association) เพื่อช่วยเหลือด้านกฎหมาย การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และการปกป้องผลประโยชน์ของคนจีนในท้องถิ่น การมีส่วนร่วมในระบบการเมืองระดับชาติแทบไม่มีจนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ข้อจำกัดด้านการเข้าเมืองและสิทธิพลเมืองเริ่มถูกยกเลิก

การตั้งรกรากและชีวิตใน Wild West

ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ชาวจีนจำนวนไม่น้อยเคลื่อนย้ายจากชายฝั่งตะวันตกเข้าสู่พื้นที่ชายแดนตะวันตก (Western frontier) เพื่อหางานและสร้างชีวิตใหม่ หลังเสร็จสิ้นงานก่อสร้างทางรถไฟสายข้ามทวีป พวกเขากระจายตัวไปทำงานในเหมืองทอง เหมืองเงิน และเหมืองถ่านหิน รวมถึงประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมและเป็นแรงงานในฟาร์มปศุสัตว์

หลายคนเปิดธุรกิจขนาดเล็ก เช่น ร้านซักรีด ร้านอาหาร และร้านขายของชำในเมืองชายแดน ซึ่งไม่เพียงตอบสนองความต้องการของผู้ตั้งรกรากทุกเชื้อชาติ แต่ยังกลายเป็นจุดศูนย์กลางของชุมชนคนจีนในพื้นที่เหล่านั้น ในบางเมืองเล็ก ๆ ชาวจีนเป็นแรงงานสำคัญที่ทำให้เมืองดำรงอยู่ได้ ทว่าพวกเขายังต้องเผชิญการเลือกปฏิบัติอย่างรุนแรง รวมถึงการโจมตีโดยฝูงชนและกฎหมายท้องถิ่นที่จำกัดสิทธิ

ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางบรรยากาศ “แดนเถื่อน” ที่มีกฎเกณฑ์หลวม แต่ชาวจีนยังคงรักษาวัฒนธรรมของตน เช่น การจัดงานตรุษจีน การไหว้บรรพบุรุษ และการก่อตั้งสมาคมเพื่อช่วยเหลือคนในชุมชน ชีวิตใน Wild West สำหรับชาวจีนจึงเป็นทั้งโอกาสในการตั้งหลักและความท้าทายที่ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

คู่มือเพิ่มเติมสำหรับการสวมบทบาทเป็น Chinese Americans

ภาษาและการสื่อสาร

ส่วนใหญ่ในยุคนี้พูด ภาษากวางตุ้ง หรือ ภาษาหมิ่นหนาน (แต้จิ๋ว) มากกว่าภาษาจีนกลาง
การสื่อสารกับคนขาวหรือคนเชื้อชาติอื่นมักใช้ Broken English (ภาษาอังกฤษแบบไม่สมบูรณ์)
คำศัพท์อังกฤษที่ใช้บ่อยในยุคนั้นจะถูกออกเสียงเพี้ยน เช่น store → stoah, work → wok
บางคนตั้งชื่อภาษาอังกฤษเพื่อใช้ติดต่อธุรกิจ แต่ในชุมชนจะเรียกกันด้วยชื่อจีน

เครือข่ายชุมชน และ Tong

ชาวจีนมักรวมตัวกันใน ชุมชนไชน่าทาวน์ หรือกลุ่มพี่น้อง (Clan associations)
มี Tong หรือสมาคมลับ ที่ทำหน้าที่ทั้งช่วยเหลือกันและบางครั้งเกี่ยวข้องกับกิจการผิดกฎหมาย เช่น บ่อน, การพนัน, ค้าฝิ่น
การเข้าร่วม Tong ไม่ได้ต้องเป็นอาชญากรเสมอไป บางครั้งเป็นเรื่องการคุ้มครองคนในชุมชนจากการเหยียดและความรุนแรง

บทบาทที่มีความเป็นไปได้

สมุนไพรจีนและการแพทย์แผนจีน: ร้านขายสมุนไพรและหมอจีนเป็นที่พึ่งทั้งคนจีนและคนชาติอื่นในพื้นที่ห่างไกล
คนกลางค้าสินค้าเอเชีย: นำชา ผ้าไหม เครื่องลายคราม หรือของแห้งจากเรือในซานฟรานซิสโก/ชายฝั่งแปซิฟิกมาขายทางตะวันตก
โรงน้ำชาและโรงโอเปร่าจีน: ให้ความบันเทิงและเป็นที่พบปะของคนในชุมชน

การแต่งกายและรูปลักษณ์

ผู้ชายจำนวนมากยังไว้ เปีย (Queue) ตามธรรมเนียมราชวงศ์ชิง แต่บางคนตัดออกเมื่ออยู่ในอเมริกาเพื่อลดการถูกเหยียด
เสื้อผ้าทั่วไป: เสื้อคอกลมผ้าฝ้ายหรือไหม กางเกงหลวม รองเท้าแบบจีน (Cloth Shoes) ในชุมชน หรือเสื้อผ้าแบบตะวันตกเมื่ออยู่นอกชุมชน
ผู้หญิงมักใส่เสื้อผ้าสีเข้ม ตัดเย็บเรียบง่าย เนื่องจากผู้หญิงจีนในอเมริกาช่วงนี้มีน้อยมาก (อัตราผู้ชายต่อผู้หญิงสูงกว่า 20:1)

ความสัมพันธ์กับเชื้อชาติอื่น

ผู้ชายจำนวนมากในพื้นที่ชายแดนอาจร่วมงานกับ Mexican vaqueros หรือ Native Americans ในการทำฟาร์มหรือเหมือง
บางคนแต่งงานข้ามเชื้อชาติ แม้จะถูกมองแปลกและถูกกฎหมายบางรัฐห้าม
อาจเป็นตัวกลางด้านการค้าและข้อมูลระหว่างชุมชนต่าง ๆ เพราะมีเครือข่ายการติดต่อจากฝั่งแปซิฟิกถึงตะวันออก

บทสนทนาและบุคลิกใน RP

ให้ความสำคัญกับ การรักษาหน้า (Saving face) และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าแบบตรง ๆ ในที่สาธารณะ
ใช้สำนวนจีนหรือสุภาษิตเปรียบเปรย เช่น “น้ำไหลย่อมหาทาง,” “ไม้ใหญ่ย่อมมีเงา”
อาจสุภาพแต่แฝงความเฉียบแหลม หรือบางคนทำตัวปิดเงียบและไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า

Choose your path, become who you want to be,

and join Townsfolk to bring your imagination to life.

REFERENCE:

Chang, Iris. The Chinese in America: A Narrative History. Viking, 2003.
Gyory, Andrew. Closing the Gate: Race, Politics, and the Chinese Exclusion Act. University of North Carolina Press, 1998.
Lee, Erika. At America's Gates: Chinese Immigration during the Exclusion Era, 1882–1943. University of North Carolina Press, 2003.
Takaki, Ronald. Strangers from a Different Shore: A History of Asian Americans. Little, Brown, 1989.
Chang, Iris. The Chinese in America: A Narrative History. Viking, 2003.
McCunn, Ruthanne Lum. Chinese American Portraits: Personal Histories, 1828–1988. Chronicle Books, 1988.
Pfaelzer, Jean. Driven Out: The Forgotten War Against Chinese Americans. Random House, 2007.
Takaki, Ronald. Strangers from a Different Shore: A History of Asian Americans. Little, Brown, 1989.
Chan, Sucheng. This Bittersweet Soil: The Chinese in California Agriculture, 1860–1910. University of California Press, 1986

Page updated

Google Sites

Report abuse