ในยุค Second Industrial Revolution สังคมอเมริกันมีความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นสูงมาก อาชีพของแต่ละบุคคลสะท้อนถึงสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของพวกเขาอย่างชัดเจน ซึ่งสถานะทางสังคมในยุคนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับใหญ่ ๆ ตามลักษณะของอาชีพได้ดังนี้
ในยุค Second Industrial Revolution สังคมอเมริกันมีความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นสูงมาก อาชีพของแต่ละบุคคลสะท้อนถึงสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของพวกเขาอย่างชัดเจน ซึ่งสถานะทางสังคมในยุคนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับใหญ่ ๆ ตามลักษณะของอาชีพได้ดังนี้
ชนชั้นสูงในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 คือกลุ่มมหาเศรษฐีที่สร้างความมั่งคั่งจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งพวกเขามักถูกเรียกว่า "Robber Barons" เพราะควบคุมเศรษฐกิจโดยใช้แรงงานราคาถูกและกีดกันการแข่งขัน
อาชีพส่วนใหญ่
เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ (Industrialists & Tycoons)
นักลงทุนและนายธนาคาร (Bankers & Financiers)
เจ้าของทางรถไฟ (Railroad Magnates)
นักการเมืองระดับสูง (Politicians & Senators)
การแต่งกายของ สุภาพบุรุษชนชั้นสูง
สูทสามชิ้นแบบเป็นทางการ ประกอบด้วยเสื้อแจ็กเก็ต เสื้อกั๊ก และกางเกงที่ตัดเย็บอย่างประณีต
เสื้อเชิ้ตคอแข็ง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีคอปกแป้งแข็ง สวมคู่กับโบไทหรือเนกไท
เสื้อโค้ทยาว (Frock Coat / Morning Coat) เสื้อคลุมยาวสำหรับออกงานหรือเดินเล่นในที่สาธารณะ
หมวกทรงสูง (Top Hat) หรือหมวกทรงโบวเลอร์ แสดงถึงฐานะทางสังคมและความเป็นทางการ
ถุงมือหนังและไม้เท้า เครื่องประดับที่ช่วยเพิ่มความสง่างาม และมักใช้เป็นเครื่องหมายของสถานะ
นาฬิกาพกทองคำ ห้อยด้วยโซ่ทองติดกับเสื้อกั๊ก สื่อถึงความมั่งคั่งและรสนิยม
รองเท้าหนังขัดเงา รองเท้าหนังคุณภาพสูงที่ตัดเย็บอย่างประณีต
การแต่งกายของ สุภาพสตรีชนชั้นสูง
ชุดเดรสหรูหรา กระโปรงยาวถึงพื้น ประดับด้วยลูกไม้ ริบบิ้น และการปักลวดลายซับซ้อน มีการใช้ผ้าหรูหรา เช่น ผ้าไหมและกำมะหยี่
คอร์เซ็ตและรูปร่างทรงนาฬิกาทราย ช่วยรัดเอวให้แคบและเน้นสะโพก ทำให้รูปร่างดูสง่างามตามค่านิยมของยุค
แขนเสื้อและช่วงไหล่ มักออกแบบให้มีการตกแต่งด้วยระบาย ลูกไม้ หรือผ้าชีฟองเพื่อเพิ่มความหรูหรา
หมวกประดับหรู หมวกขนาดกลางถึงใหญ่ตกแต่งด้วยขนนก ดอกไม้ ริบบิ้น
ถุงมือและร่มกันแดด ถุงมือยาวถึงข้อศอกหรือข้อมือ และร่มกันแดดที่ประดับด้วยลูกไม้หรือผ้าชั้นดี
เครื่องประดับล้ำค่า สวมสร้อยไข่มุก จี้ทองคำ ต่างหูเพชร และเข็มกลัดที่ออกแบบอย่างประณีต
รองเท้าหุ้มส้น รองเท้าทำจากหนังแท้หรือผ้าซาติน ประดับด้วยหัวเข็มขัดหรือโบว์
การแต่งกายของ สุภาพสตรีชนชั้นกลาง
ชุดเดรสสุภาพ เรียบง่ายแต่สง่างาม มักทำจากผ้าคุณภาพดีแต่ไม่ฟุ่มเฟือย เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าขนสัตว์ หรือผ้าซาตินราคาย่อมเยา
คอร์เซ็ตและกระโปรงทรงธรรมชาติ สวมคอร์เซ็ตเช่นเดียวกับชนชั้นสูง แต่ไม่รัดแน่นจนเกินไป และกระโปรงมีโครงสร้างที่เบากว่า
สีและลวดลายเรียบง่าย นิยมสีโทนสุภาพ เช่น น้ำเงิน กากี เทา และน้ำตาล มักไม่มีการปักหรือประดับมากนัก
แขนเสื้อพองเล็กน้อยและคอเสื้อสูง เพื่อความเรียบร้อยและเหมาะสมกับสถานะของผู้หญิงชนชั้นกลาง
หมวกขนาดกลาง (Bonnet Hats) ประดับด้วยริบบิ้น ดอกไม้ หรือขนนกเล็กน้อย ไม่โอ่อ่าจนเกินไป
เครื่องประดับเรียบง่าย สวมสร้อยไข่มุก ต่างหูเล็กๆ หรือเข็มกลัดที่ไม่หรูหราจนเกินไป
รองเท้าหุ้มส้นทำจากหนังหรือผ้ากำมะหยี่ ทรงคล้ายของชนชั้นสูงแต่มีความเรียบง่ายกว่า
ชนชั้นกลางในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 มีสถานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากการเติบโตของอุตสาหกรรมและการค้า แม้ว่าจะไม่สามารถแต่งกายหรูหราเทียบเท่าชนชั้นสูง แต่ก็พยายามแต่งกายอย่างมีสไตล์และตามเทรนด์แฟชั่น โดยเน้นเสื้อผ้าที่เรียบร้อย สง่างาม และใช้งานได้จริง
อาชีพส่วนใหญ่
วิศวกรและสถาปนิก (Engineers & Architects)
นักกฎหมายและทนายความ (Lawyers)
แพทย์และเภสัชกร (Doctors & Pharmacists)
ครูและอาจารย์ (Teachers & Professors)
นักหนังสือพิมพ์และนักข่าว (Journalists & Editors)
พนักงานขาย (Salesmen & Merchants)
การแต่งกายของ สุภาพบุรุษชนชั้นกลาง
สูทลำลองหรือชุดทำงานสุภาพ มักทำจากผ้าขนสัตว์หรือผ้าฝ้าย มีสีเข้ม เช่น น้ำตาล เทา หรือกรมท่า
เสื้อเชิ้ตแขนยาว คอปกธรรมดา มักเป็นสีขาวหรือสีอ่อน ตัดเย็บเรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย
เสื้อกั๊ก (Vest / Waistcoat) เป็นสัญลักษณ์ของความมีระดับ แต่ไม่ประดับตกแต่งมากเท่าของชนชั้นสูง
เสื้อโค้ทหรือแจ็กเก็ตสั้น ใช้แทนเสื้อโค้ทยาวของชนชั้นสูง สวมใส่ง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวัน
หมวกทรงโบวเลอร์ (Bowler Hat) หรือหมวกเฟโดร่า (Fedora) ได้รับความนิยมในชนชั้นกลางเพราะดูสุภาพแต่ไม่เป็นทางการเกินไป
รองเท้าหนังธรรมดาหรือรองเท้าบูตหนัง สวมใส่สะดวกและเหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวัน
นาฬิกาพกธรรมดา ไม่หรูหราเหมือนของชนชั้นสูง แต่ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความมีรสนิยม
ในช่วงปี 1880 การแต่งกายของชนชั้นแรงงานในสหรัฐอเมริกามีลักษณะที่เน้นความทนทาน และความสะดวกสบาย เพื่อรองรับการทำงานที่หนักหน่วงในแต่ละวัน เสื้อผ้าถูกออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพการทำงานและสภาพอากาศ โดยใช้วัสดุที่แข็งแรงและราคาประหยัด
อาชีพส่วนใหญ่
คนงานโรงงาน (Factory Workers)
คนงานเหมือง (Coal & Steel Miners)
คนงานก่อสร้าง (Construction Workers)
กรรมกรรถไฟ (Railroad Workers)
แรงงานเด็ก (Child Laborers)
การแต่งกายของ สุภาพสตรีชั้นแรงงาน
ชุดเดรสทั่วไป ผู้หญิงชนชั้นแรงงานสวมชุดเดรสที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าลินินที่ทนทาน ความยาวของกระโปรงมักอยู่ที่ข้อเท้าหรือเหนือเล็กน้อย เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว
ผ้ากันเปื้อน สวมผ้ากันเปื้อนทับชุดเดรส เพื่อป้องกันคราบสกปรกและยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้า
เสื้อคลุมหรือแจ็กเก็ต ในสภาพอากาศหนาวเย็น ผู้หญิงจะสวมเสื้อคลุมที่ทำจากผ้าหนา เพื่อให้ความอบอุ่น
รองเท้าหนังทรงเรียบ รองเท้าหนังที่แข็งแรงและสวมใส่สบาย บางคนอาจใส่รองเท้าบูทสั้นหรือรองเท้าหุ้มส้น ที่สามารถเดินและทำงานได้สะดวก
ผ้าโพกศีรษะหรือหมวก Bonnet ใช้ป้องกันฝุ่นและช่วยรวบผมขณะทำงาน
การแต่งกายของ สุภาพบุรุษชนชั้นแรงงาน
เสื้อเชิ้ต ผู้ชายชนชั้นแรงงานมักสวมเสื้อเชิ้ตที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน สีเข้มหรือมีลวดลาย เช่น ลายทางหรือลายตาราง เพื่อช่วยปกปิดคราบสกปรก เสื้อเชิ้ตเหล่านี้มักไม่มีปกแข็ง เนื่องจากปกแข็งต้องการการดูแลรักษามากกว่า
กางเกง กางเกงทำจากผ้าทวีดหรือผ้าฝ้ายหนา ตัดตรงและเอวสูง เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหวและความทนทานต่อการสึกหรอ
เสื้อกั๊ก บางครั้งผู้ชายจะสวมเสื้อกั๊กที่ทำจากผ้าทนทาน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและมีช่องเก็บของเพิ่มเติม
รองเท้าบูทหนัง รองเท้าหนังที่แข็งแรงและทนทานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
ผ้าพันคอหรือเชือกเส้นเล็กแทนเนกไท ใช้สำหรับกันหนาวหรือประดับให้ดูสุภาพขึ้น
หมวก (Flat Cap, Newsboy & Bowler Hat) ผู้อพยพและเด็กข้างถนนนิยมใส่ หมวกทรงแบน (Flat Cap) หรือ หมวก Newsboy และหมวก Bowler นิยมในหมู่คนงานที่มีรายได้สูงกว่าเล็กน้อย
เข็มขัดหรือสายเอี๊ยม เพื่อช่วยพยุงกางเกง เนื่องจากเข็มขัดหนังดีๆ มักมีราคาแพง
การแต่งกายของ สุภาพสตรีชั้นล่าง
ชุดเดรสเรียบง่าย ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าลินินสีพื้น ไม่มีลวดลายมากนัก และมักใช้จนเก่าขาด
กระโปรงยาวและเสื้อแขนยาว กระโปรงและเสื้อถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้หลายปี และเหมาะกับการทำงานบ้านหรือรับจ้าง
ผ้ากันเปื้อน (Apron) จำเป็นสำหรับผู้หญิงที่ทำงานบ้านหรือเป็นคนรับใช้ในบ้านของคนรวย
เสื้อคลุมหรือผ้าคลุมไหล่ (Shawl) สำหรับกันหนาว มักเป็นผ้าขนสัตว์เก่าหรือผ้าคลุมราคาถูก
รองเท้าที่ทรุดโทรม บางคนอาจไม่มีรองเท้าเลย หรือใช้รองเท้ามือสองที่ผ่านการซ่อมแซมหลายครั้ง
เครื่องประดับราคาถูก หญิงชนชั้นล่างอาจมีต่างหูหรือสร้อยลูกปัดราคาถูกที่ได้รับมาจากตลาดนัด
หมวกหรือผ้าคลุมศีรษะ เพื่อป้องกันแดดและลม มักเป็นผ้าคลุมเก่าที่ใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
เข็มกลัดโลหะราคาถูก หากเป็นหญิงสาวที่ทำงานในโรงงานหรือเป็นแม่บ้าน อาจมีเข็มกลัดเล็กๆ ติดเสื้อเพื่อเสริมความเรียบร้อย
ในช่วงปี 1880 ชนชั้นล่าง (Lower Class) ในสหรัฐอเมริกามีฐานะทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากมาก เสื้อผ้าของพวกเขาสะท้อนถึงความจำเป็นในการใช้งานที่ทนทานและราคาประหยัด เนื่องจากคนกลุ่มนี้ต้องใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก และไม่มีงบประมาณสำหรับเสื้อผ้าหรูหรา
อาชีพส่วนใหญ่
คนใช้และแม่บ้าน (Servants & Maids)
กุลีจีน (Chinese Laborers)
โสเภณี (Prostitutes)
นักต้มตุ๋น (Con Artists)
หัวขโมย (Thieves)
ขอทานและคนเร่ร่อน (Beggars & Homeless)
การแต่งกายของ สุภาพบุรุษชนชั้นล่าง
เสื้อเชิ้ตแขนยาว ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน สีพื้นๆ อย่างสีขาว เทา หรือน้ำตาล เสื้อเหล่านี้มักจะเก่าและถูกปะซ่อมหลายครั้ง
กางเกงผ้าหยาบ (Trousers) ทำจากผ้าขนสัตว์ราคาถูก ผ้าใบ หรือผ้าฝ้ายหนา มักเป็นสีเข้มเพื่อช่วยปกปิดคราบสกปรก
เสื้อกั๊กเก่า (Vest) หากเป็นผู้ที่ทำงานในเมือง อาจมีเสื้อกั๊กผ้าหยาบใส่ทับเพื่อกันลม แต่สภาพมักเก่าหรือขาดรุ่ย
เสื้อโค้ทหรือแจ็กเก็ต (ถ้ามี) สำหรับฤดูหนาว บางคนอาจมีเสื้อโค้ทที่ได้รับมาจากผู้ใจบุญ หรือซื้อมือสองจากตลาด
หมวกแบบเรียบง่าย เช่น หมวก Flat Cap หรือหมวกฟางราคาถูกที่ใช้กันแดด
รองเท้าทรุดโทรมหรือเท้าเปล่า รองเท้ามักเป็นของมือสอง ซ่อมแซมหลายครั้ง หรือหากยากจนมากอาจเดินเท้าเปล่า
ผ้าพันคอหรือเชือกเส้นเล็กแทนเนกไท ใช้สำหรับกันหนาวหรือประดับให้ดูสุภาพขึ้น
เข็มขัดหรือสายเอี๊ยม เพื่อช่วยพยุงกางเกง เนื่องจากเข็มขัดหนังดี ๆ มักมีราคาแพง